ทำไมเพลงของเราถึงฟังดู 'ไม่โปร' สักที? ว่าด้วยเรื่อง 'Imposter Syndrome' ของคนทำเพลง

เคยไหมครับ? นั่งฟังเพลงของตัวเองเทียบกับศิลปินระดับโลกที่ชอบ แล้วก็เกิดคำถามในใจว่า "ทำไมซาวด์มันต่างกันขนาดนี้" หรือบางทีทำเพลงออกมาท่อนหนึ่งแล้วรู้สึกว่ามันดีมาก แต่พออีกวันกลับมาฟัง กลับรู้สึกว่า "นี่มันงานของมือสมัครเล่นชัดๆ"

ถ้าคุณเคยรู้สึกแบบนี้ คุณไม่ได้โดดเดี่ยวครับ ความรู้สึกว่าตัวเอง "ไม่ดีพอ" หรือ "ไม่เก่งจริง" ทั้งๆ ที่มีความสามารถ คืออาการทางจิตวิทยาที่เรียกว่า "Imposter Syndrome" และมันคือสิ่งที่กัดกินความมั่นใจของโปรดิวเซอร์มือใหม่ (และแม้กระทั่งมืออาชีพ) มานักต่อนัก วันนี้ที่ Introbeat เราจะพาคุณมาทำความรู้จักและหาวิธีรับมือกับมันกันครับ

"Imposter Syndrome" ในโลกคนทำเพลง คืออะไรกันแน่?

Imposter Syndrome หรือ "โรคคิดว่าตัวเองไม่เก่ง" ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่มีฝีมือนะครับ แต่มันคือ ความรู้สึกภายในลึกๆ ที่คอยบอกว่าความสำเร็จของคุณเป็นเรื่องฟลุ๊ค และคุณกลัวว่าสักวันหนึ่งจะมีคนมา "จับได้" ว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้เก่งอย่างที่ใครๆ เห็น

ในบริบทของคนทำเพลง มันคือความรู้สึกที่ว่า:

  • เมโลดี้เพราะๆ ที่คิดได้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ
  • ถึงจะมิกซ์เสียงดีขึ้น แต่ก็ยังห่างไกลจากคำว่า "โปร"
  • ไม่กล้าเรียกตัวเองว่า "โปรดิวเซอร์" เต็มปากเต็มคำ

ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเหมือนเบรกมือที่ดึงรั้งศักยภาพของคุณไว้ไม่ให้ไปข้างหน้า

3 สัญญาณชัด ที่บอกว่าคุณอาจกำลังเจอ Imposter Syndrome

ลองสำรวจตัวเองดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่

1. กับดักการเปรียบเทียบที่ไม่สิ้นสุด (The Comparison Trap)

คุณมักจะเอาเพลง Demo หรือไฟล์โปรเจกต์ที่ยังมิกซ์ไม่เสร็จของตัวเอง ไปเปรียบเทียบกับเพลงที่ผ่านการ Mix & Master โดยซาวด์เอนจิเนียร์ระดับโลกมาแล้ว ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่มีวันชนะ และมันบั่นทอนกำลังใจอย่างมหาศาล

2. มองข้ามความสำเร็จเล็กๆ ของตัวเอง (Dismissing Your Wins)

เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำอะไรสำเร็จ เช่น เขียนท่อนฮุคเพราะๆ ได้ หรือมิกซ์เสียงเบสได้แน่นขึ้น คุณมักจะมองว่ามัน "ก็งั้นๆ" หรือ "ใครๆ ก็ทำได้" คุณไม่เคยให้เครดิตกับความพยายามและความสามารถของตัวเองเลย

3. ความกลัวฟีดแบ็กและคำวิจารณ์ (Fear of Feedback)

คุณหลีกเลี่ยงที่จะส่งเพลงให้คนอื่นฟัง ไม่ใช่เพราะเพลงไม่เสร็จ แต่เพราะคุณกลัวว่าฟีดแบ็กที่ได้กลับมาจะยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่า "คุณยังไม่ดีพอ" ซึ่งเป็นความคิดที่อันตรายที่สุด

วิธีรับมือและก้าวข้าม Imposter Syndrome เพื่อปลดล็อกศักยภาพของคุณ

ข่าวดีก็คือ Imposter Syndrome เป็นสิ่งที่จัดการได้ครับ มันคือเรื่องของ Mindset ที่เราปรับเปลี่ยนได้

  1. เปรียบเทียบให้ถูกจุด: เลิกเปรียบเทียบงานของคุณกับผลงานของคนอื่น แต่ให้เปรียบเทียบ "งานของคุณในวันนี้ กับงานของคุณเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว" คุณจะเห็นการเติบโตของตัวเองอย่างชัดเจน และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
  2. แยก "ตัวตน" ออกจาก "ผลงาน": คำวิจารณ์ที่มีต่อเพลงของคุณ ไม่ใช่คำตัดสินคุณค่าในตัวคุณ มันเป็นเพียงข้อมูลเพื่อนำไป "พัฒนา" ผลงานชิ้นต่อไปให้ดีขึ้นเท่านั้น
  3. สร้าง "แฟ้มหลักฐาน" แห่งความสำเร็จ: เก็บทุกคำชมเล็กๆ น้อยๆ, เก็บไฟล์เพลงที่คุณภูมิใจ, หรือจดบันทึกเทคนิคใหม่ๆ ที่คุณเพิ่งทำเป็น เมื่อไหร่ที่รู้สึกแย่ ให้กลับมาเปิดดู "แฟ้มหลักฐาน" นี้เพื่อเตือนตัวเองว่าคุณเก่งขึ้นแค่ไหนแล้ว
  4. ยอมรับว่าการเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด: แม้แต่โปรดิวเซอร์ระดับโลกก็ยังต้องเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ อยู่เสมอ การที่คุณ "ยังไม่รู้" บางเรื่อง ไม่ได้แปลว่าคุณ "ไม่เก่ง" มันแค่แปลว่าคุณ "ยังไม่ได้เรียนรู้" เท่านั้นเอง

ทางลัดสู่ความมั่นใจ: เรียนรู้จากประสบการณ์จริง

การปรับ Mindset คือการต่อสู้ระยะยาว แต่บางครั้ง... การได้ฟังประสบการณ์ตรงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็น "ยา" ที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่นใจและต่อสู้กับ Imposter Syndrome

ลองจินตนาการว่าคุณได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังการทำงาน, เคล็ดลับในการสร้างสรรค์ซาวด์ที่โดดเด่น, และแนวคิดในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ จากโปรดิวเซอร์มืออาชีพ ปัญหาเรื่อง "ไม่ดีพอ" ที่คอยกวนใจคุณจะเริ่มจางหายไป คุณจะสามารถโฟกัสไปที่การเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่

การได้ยินไอเดียและมุมมองใหม่ๆ คือวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการลบเสียงในหัวที่คอยบอกว่าคุณ "ไม่เก่งจริง"

สำหรับใครที่ต้องการ "ทางลัด" นี้ Introbeat มีช่องพอดแคสต์บน YouTube ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาและบทสัมภาษณ์ที่จะช่วยจุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้กับเส้นทางดนตรีของคุณ

👉 คลิกที่นี่เพื่อฟังพอดแคสต์ที่จะปลุกความมั่นใจในตัวคุณได้ที่ช่อง YouTube ของ Introbeat  : https://www.youtube.com/@IntrobeatPodcast

อย่าปล่อยให้ Imposter Syndrome มาขัดขวางเส้นทางดนตรีของคุณนะครับ!



ความคิดเห็น